ถึงแม้หนังเรื่องนี้จะได้คะแนนจาก IMDb ไปแค่ 6.0 คะแนน แต่ผมอยากให้ 8 เพราะเนื้อเรื่องที่แทรกการจิกกัดและสะท่อนพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ได้อย่างดี และพลังของนักแสดงที่รับบทคนร้ายอย่าง รัสเซล โครว์ ก็สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าคนๆ นี้ “อันตราย”
Category: Movie Review
ถ้ายึดเอาคำว่า “สยองขวัญ” เป็นหลัก ถือว่าล้มเหลว หนังเปิดเรื่องมาดี แต่อยู่ๆก็เปลี่ยนทิศในกลางเรื่อง เริ่มแรกหนังจะพยายามบิวย์ให้เรารู้สึกกลัว แต่อยู่ๆกลับเปลี่ยนเป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่มีปีศาจผู้ก่อคดี ความน่ากลัวของหนังหายไปจนหมด และช่วงท้ายกลายเป็นหนังคนสู้ผีซะเฉยๆ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก หรือแค่สุ่มมาเจอ ก็ถือว่าดูสนุกดี ดูได้เรื่อยๆ จนจบ
ถ้าเปรียบเทียบกับ Kingdom ss1-ss2 , Ashin of the North ใช้วิธีเล่าเรื่องต่างกันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้แกนเรื่องและการตีความซอมบี้จะเหมือนกัน แต่ในภาคนี้เน้นไปที่แรงกดดันของตัวละคร “อาชิน” ที่ถูกพัฒนามาเรื่อยๆจนกลายเป็นความแค้นสุดหยั่งถึงในตอนท้าย วิธีดำเนินเรื่อง การแสดง และโปรดักชัน ทำให้เราในฐานะคนดูเชื่อและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคน “อาชิน” ได้แบบไม่ตะขิดตะขวงใจ ตอนนั่งดูผมถึงกับพูดกับตัวเองว่า “ถ้าเราเจอแบบเธอก็คงทำแบบเดียวกัน”
ผจญภัย คาวบอย อวกาศ ,3 คำนิยามที่ผมให้กับซีรี่ย์ชุดนี้ เป็นอีกครั้งกับการดูหนังที่แทบไม่มีข้อมูลอะไรในหัวเลยสามารถสร้างความประทับใจได้อย่างมาก ,เพโดร ปาสคาล นักแสดงที่รับบทเป็น Mando (Din Djarin) ก็แสดงเก่งเหลือเชื่อ ทั้งที่ตัวละครนี้ใส่หมวดอยู่ตลอดเวลาแต่สามารถทำให้เราในฐานะคนดู รับรู้ถึงความรู้สึกที่สื่อออกมาของตัวละครได้ โดยรวมแล้วผมคิดว่าสนุกกว่าภาคหลักอีกนะ
สนุก ชวนติดตาม ประทับใจ คือสามคำนิยามที่ผมจะให้กับซีรี่ย์ชุดนี้ ในฐานะแฟนหนังมาร์เวลที่พอจะรู้จักตัวละครจากคอมมิคนิดหน่อย สามารถดูได้รวดเดียวจบแบบลืมเวลาไปเลย แต่ติดนิดเดียวกับตอนสุดท้าย ผมถึงกับต้องอุทานว่า “เฮ้ย จะจบแบบนี้ไม่ได้!!” ไม่ได้ขัดใจกับตอนจบนะครับ แต่อารมณ์เหมือนประตูเปิดแล้วแต่ยามดันไม่ให้เข้ามากกว่า แต่ก็เข้าใจได้เพราะเดิมทีซีรี่ย์ชุดนี้ถูกวางใว้ 12 ตอน แต่ถูกแบ่งเป็น 2 ซีซั่น เราคนดูก็ทำได้เพียงรอต่อไปเท่านั้น